การกระตุ้นให้ประชาชนมีลูกเพิ่มจนถึงระดับเดียวกับยุค Baby Boom (ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2) เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องอาศัยปัจจัยหลายด้าน ไม่ใช่แค่การแจกเงินหรือให้สวัสดิการเพียงอย่างเดียว เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยีเปลี่ยนไปจากยุคนั้นมาก
วิธีหลักที่อาจช่วยกระตุ้นอัตราการเกิด
1. ลดภาระทางเศรษฐกิจ
- ลดค่าครองชีพ เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าอาหาร ค่าพลังงาน
- เพิ่มเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด – วัยเรียน เช่น ค่าเลี้ยงดูเด็ก ค่าการศึกษาแบบฟรีจริง ๆ
- เพิ่มค่าลาคลอด – ลางานเลี้ยงลูก ให้พ่อแม่สามารถเลี้ยงลูกได้โดยไม่กระทบรายได้
2. สร้างสมดุลระหว่างงานและครอบครัว
- ลดเวลาทำงาน (เช่น Work-from-Home หรือทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์)
- เพิ่มสวัสดิการพ่อแม่ เช่น สนับสนุนบริษัทที่ให้พ่อสามารถลางานเลี้ยงลูกได้
- ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนครอบครัว เช่น มีศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่ออฟฟิศ
3. เปลี่ยนค่านิยมสังคม
- ลดค่านิยม “ต้องรวยก่อนมีลูก” → เปลี่ยนเป็น “มีลูกแล้วรัฐช่วยซัพพอร์ตเต็มที่”
- ลดความกังวลเรื่องอนาคต เช่น การแข่งขันในโรงเรียน หรือความเหลื่อมล้ำ
- ลดแนวคิดว่า “ลูกคือภาระ” → ทำให้การมีลูกเป็นเรื่องสนุกและมีคุณค่าในชีวิต
4. ใช้เทคโนโลยีช่วยลดภาระพ่อแม่
- ใช้ AI / Robot ช่วยเลี้ยงเด็ก
- ใช้เทคโนโลยีช่วยสอนลูก เช่น Virtual Tutor
- พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น รถเข็นอัจฉริยะ หรือบ้านอัจฉริยะที่ช่วยดูแลเด็ก
5. สร้างแรงจูงใจทางสังคม
- ทำให้การมีลูกเป็น “เทรนด์” เช่น ดารา อินฟลูเอนเซอร์โปรโมตชีวิตครอบครัวที่มีความสุข
- ให้รางวัลพิเศษสำหรับครอบครัวใหญ่ เช่น บ้านราคาพิเศษ หรือสิทธิพิเศษอื่น ๆ
- เพิ่มสิทธิพลเมืองพิเศษ เช่น คนที่มีลูกมากอาจได้สิทธิพิเศษด้านภาษี หรือสวัสดิการพิเศษในอนาคต
การทำให้เกิดยุค Baby Boom ใหม่ไม่ใช่แค่การแจกเงิน แต่อยู่ที่ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ + การเปลี่ยนค่านิยม + เทคโนโลยีช่วยลดภาระ ถ้าทำครบวงจร คนอาจกล้ามีลูกมากขึ้น แต่ถึงแม้จะทำทุกอย่างนี้ได้ ก็อาจไม่ทำให้ประชากรเพิ่มระดับเดียวกับยุค 1950s เพราะค่านิยมชีวิตเปลี่ยนไปมาก คนมองหา “คุณภาพชีวิต” มากกว่าแค่มีลูกเยอะ ๆ คิดว่าแนวไหนที่เป็นไปได้ที่สุดในโลกปัจจุบัน ?